วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557




อาหารประจำชาติอาเซียน


ต้มยำกุ้ง - ประเทศไทย


1.ประเทศไทย 

          ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)  แค่เอ่ยชื่อก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ต้มยำกุ้งเป็นอาหารคาวที่เหมาะสำหรับรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมของสมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบในต้มยำกุ้ง นอกจากจะทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการเจริญอาหารได้เป็นอย่างดี

          และเนื่องจากต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยว และเผ็ดเป็นหลัก ทำให้รับประทานแล้วไม่เลี่ยน จึงทำให้ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในทั่วทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงชาวต่างชาติเองก็ติดอกติดใจในความอร่อยของต้มยำกุ้งเช่นเดียวกัน


อาม็อก - ประเทศกัมพูชา

2.ประเทศกัมพูชา

          อาม็อก (Amok) เป็นอาหารคาวยอดนิยมของกัมพูชา มีลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย โดยเป็นการนำเนื้อปลาสด ๆ ลวกพริกเครื่องแกง และกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้เนื้อปลาแล้ว อาจเลือกใช้เนื้อไก่แทนก็ได้ ส่วนสาเหตุที่คนในประเทศกัมพูชานิยมรับประทานปลา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของกัมพูชามีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ทำให้ปลาเป็นอาหารที่หารับประทานได้ง่ายนั่นเอง


อัมบูยัต - ประเทศบรูไน

3.ประเทศบรูไน

          อัมบูยัต (Ambuyat) เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไน มีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊ก โดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไม่มีรสชาติ แต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่าง หรือเนื้อทอด  ทั้งนี้ การรับประทานอัมบูยัตให้ได้รสชาติ ต้องรับประทานตอนร้อน ๆ จึงจะดีที่สุด



หล่าเพ็ด - ประเทศพม่า

4.ประเทศพม่า

          หล่าเพ็ด (Lahpet) เป็นอาหารยอดนิยมของพม่า โดยการนำใบชาหมักมาทานกับเครื่องเคียง เช่น กระเทียมเจียว ถั่วชนิดต่าง ๆ งาคั่ว กุ้งแห้ง ขิง มะพร้าวคั่ว เรียกได้ว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับเมี่ยงคำของประเทศไทย ซึ่งหล่าเพ็ดนี้ จะเป็นเมนูอาหารที่ขาดไม่ได้ในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ ๆ ของประเทศพม่า โดยกล่าวกันว่า หากงานเลี้ยง หรืองานเฉลิมฉลองใด ไม่มีหล่าเพ็ด จะถือว่าการนั้นเป็นงานที่ขาดความสมบูรณ์ไปเลยทีเดียว



อโดโบ้ - ประเทศฟิลิปปินส์

5.ประเทศฟิลิปปินส์

          อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ ทำจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ที่ผ่านการหมัก และปรุงรส โดยจะใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แล้วนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ

          ในอดีตอาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทาง เนื่องจากส่วนผสมของอโดโบ้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เหมาะสำหรับพกไว้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันอโดโบ้ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่นำมารับประทานกันได้ทุกที่ทุกเวลา


ลักซา - ประเทศสิงคโปร์

6.ประเทศสิงคโปร์

          ลักซา (Laksa) อาหารขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ ลักซามีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่กะทิ ทำให้รสชาติเข้มข้น คล้ายคลึงกับข้าวซอยของไทย โดยลักซาจะมีส่วนผสมของ กุ้งแห้ง พริก กุ้งต้ม และหอยแครง เหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารทะเลเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ลักซามีทั้งแบบที่ใส่กะทิ และไม่ใส่กะทิ ทว่า แบบที่ใส่กะทิจะเป็นที่นิยมมากกว่า


กาโด กาโด - ประเทศอินโดนิเซีย

7.ประเทศอินโดนีเซีย

          กาโด กาโด (Gado Gado) อาหารยอดนิยมของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วยผัก และธัญพืชหลากหลายชนิด  ทั้งแครอท มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วเขียว นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้ และไข่ต้มสุกด้วย กาโด กาโดจะนำมารับประทานกับซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ อย่างไรก็ตาม ด้วยเครื่องสมุนไพรในซอส อาทิ รากผักชี หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ทำให้เมื่อรับประทานแล้วจะไม่รู้สึกเลี่ยนกะทิมากจนเกินไปนั่นเอง



สลัดหลวงพระบาง - ประเทศลาว

8. ประเทศลาว 

          สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang Salad) เป็นอาหารขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีรสชาติกลาง ๆ ทำให้รับประทานได้ทั้งชาวตะวันออก และตะวันตก โดยส่วนประกอบสำคัญคือ ผักน้ำ ซึ่งเป็นผักป่าที่ขึ้นตามริมธารน้ำไหล และยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น  มันแกว แตงกวา มะเขือเทศ ไข่ต้ม ผักกาดหอม และหมูสับลวกสุก ส่วนวิธีปรุงรสคือ ราดด้วยน้ำสลัดชนิดใส คลุกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่ว


นาซิ เลอมัก - ประเทศมาเลเซีย

9.ประเทศมาเลเซีย

          นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) อาหารยอดนิยมของประเทศมาเลเซีย โดยนาซิ เลอมัก จะเป็นข้าวหุงกับกะทิ และใบเตย ทานพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง ได้แก่ ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น  ไข่ต้มสุก และถั่วอบ ซึ่งนาซิ เลอมักแบบดั้งเดิมจะห่อด้วยใบตอง และมักทานเป็นอาหารเช้า แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่ทานได้ทุกมื้อ และแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง เช่น สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทยด้วย




ปอเปี้ยะเวียดนาม - ประเทศเวียดนาม

10.ประเทศเวียดนาม 

          เปาะเปี๊ยะเวียดนาม  (Vietnamese Spring Rolls) ถือเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศเวียดนาม ความอร่อยของเปาะเปี๊ยะเวียดนาม อยู่ที่การนำแผ่นแป้งซึ่งทำจากข้าวจ้าวมาห่อไส้ ซึ่งอาจจะเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ โดยนำมารวมกับผักสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน โดยจะมีถั่วคั่ว แครอทซอย ไชเท้าซอย ให้เติมตามใจชอบ และบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มด้วย  

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557


ท่องเที่ยวทะเลไทย 10 อันดับที่สวยที่สุด



          เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยที่เด่นดัง คงหนีไม่พ้นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถานที่ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากเกาะต่าง ๆ ที่คงความงดงามและความอุดมสมบูรณ์ของหาดทราย น้ำทะเล และพืชสัตว์ในโลกใต้น้ำ ดังนั้น กระปุกท่องเที่ยวจึงได้นำ 10 อันดับเกาะสุดเจ๋ง ซึ่งได้รับการการันตีจาก touropia.comสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อนมาฝากกันค่ะ ส่วนจะมีที่ไหนบ้างนั้นไปชมกันเลย

 1. เกาะพีพี



          เริ่มกันที่อันดับที่ 1 เกาะพีพี เกาะที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เป็นหมู่เกาะกลางทะเลอันดามัน ประกอบไปด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอนและเกาะพีพีเล แต่จุดศูนย์กลางการท่องเที่ยวอยู่ที่เกาะพีพีดอน ด้วยความงดงามทางธรรมชาติของเกาะพีพีทำให้เคยติดอันดับที่ 1 จาก 10 ของเกาะที่สวยที่สุดในโลก จนได้รับสมญานามว่าเป็น “มรกตแห่งอันดามัน” และยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีชอีกด้วย จึงไม่แปลกที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาสัมผัสความงามด้วยตาของตัวเอง

          จุดเด่นของเกาะพีพี คือ น้ำทะเลสีเขียวมรกตใส อ่าวมาหยาที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาหินปูน และเป็นจุดดำน้ำลึกและน้ำตื้นที่มีปะการังสวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ หาดต้นไทร, อ่าวโละดาลัม, ถ้ำไวกิ้ง, อ่าวปิ และเกาะไม้ไผ่ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงอีกหลายแห่ง เช่น เกาะลันตา หินแดง-ม่วง


 2. เกาะเต่า


          เกาะเต่า อยู่ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทย มีพื้นที่ 21 ตารางกิโลเมตร รูปร่างของเกาะเป็นทรงยาว ๆ คล้ายเมล็ดถั่ว หลายคนคงสงสัยว่าทำไมถึงได้ชื่อว่า “เกาะเต่า” ที่มาของชื่อนี้มาจากมีเต่าจำนวนมากพากันมาว่างไข่ที่เกาะแห่งนี้ คนจึงเรียกกันว่า “เกาะเต่า” ซึ่งเป็นอีกเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยทีเดียว จนได้รับฉายาว่า “เกาะสวรรค์กลางอ่าวไทย”

          จุดเด่นของเกาะเต่า คือ แนวปะการังน้ำตื้นและน้ำลึกที่สวยงามและยังคงความสมบูรณ์อยู่ ประกอบกับมีสัตว์น้ำนานาชนิด สีสันสวยงามแหวกว่ายตามปะการัง ปัจจุบันเป็นเสมือนศูนย์กลางของกีฬาดำน้ำไปแล้ว มีโรงเรียนสอนดำน้ำมาเปิดเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์  ส่วนแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ บริเวณเกาะเต่าที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เช่น หาดปะการัง, อ่าวโฉลกบ้านเก่า และจุดชมวิวนางยวน ฯลฯ


 3. เกาะช้าง



          เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย มีพื้นที่ประมาณ 429 ตารางกิโลเมตร อยู่ในเขตจังหวัดตราด ลักษณะทางภูมิประเทศประกอบไปด้วย ภูเขาสูง มีหินผาซับซ้อน

          จุดเด่นของเกาะช้าง คือ มีหาดทะเลขาวสะอาด น้ำทะเลใส และมีแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งที่พัก ร้านอาหาร และบริการต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ส่วนแหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อ ได้แก่ อ่าวคลองสน, อ่าวใบลาน, หาดทรายขาว, หาดไก่แบ้, หาดคลองพร้าว-แหลมไชยเชษฐ์, เกาะไม้ชี้, น้ำตกคลองนนทรี และน้ำตกธารมะยม ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ นั่นก็คือ ขี่ช้างเที่ยวบริเวณเกาะ ท่องป่า ขึ้นภูเขา ล่องเรือ ส่องนก ดูหิ่งห้อย โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางไปพักผ่อนที่เกาะช้าง คือ ช่วง เดือนตุลาคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงคลื่นลมสงบ

4. เกาะภูเก็ต



          ภูเก็ต เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร ถูกโอบล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม และหาดทรายสีขาวเนียน เหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจรับลมทะเลในช่วงฤดูร้อนเป็นอย่างมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสความงามอย่างล้นหลาม เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางฝั่งอันดามันเลยก็ว่าได้

          จุดเด่นของเกาะภูเก็ต คือ ความงามของทิวทัศน์ทางธรรมชาติ ชายหาดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมี หาดป่าตอง หาดกะรน หาดกะตะ และหาดกมลา ฯลฯ และมีเกาะน้อยใหญ่ที่สวยงามไม่แพ้เกาะภูเก็ตรายล้อมอีกด้วย เช่น เกาะไม้ท่อน เกาะราชา เกาะรัง เกาะเฮ เกาะสิเหร่ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมด้วย เช่น อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ฯลฯ ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่พักที่เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร ผับบาร์ แหล่งบันเทิงต่าง ๆ จัดว่าเป็นเมืองที่คึกคักมากทีเดียว


5. เกาะพะงัน


          เกาะพะงัน อยู่ห่างจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี 100 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ตัวเกาะมีพื้นที่ประมาณ 168 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากเกาะสมุยเพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น มีลักษณะภูมิประเทศของเกาะเป็นภูเขาและชายหาด มีสันทรายและแนวหินปะการังรอบ ๆ เกาะ ซึ่งเกาะพะงันนับว่ามีชื่อเสียงทั่วโลกในเรื่องการจัด “ฟลูมูน ปาร์ตี้” นอกจากนี้ ก็มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอีกหลายแห่ง

          จุดเด่นของเกาะพะงันที่นอกจากจะมีหาดทรายขาวสะอาดน่าลงไปนอนเกลือกกลิ้ง น้ำทะเลสีฟ้าใส น้ำตก ภูเขาแล้ว ยังเป็นสถานที่จัดฟูลมูน ปาร์ตี้ อีกด้วย โดยหาดที่มีชื่อเสียง ได้แก่ หาดริ้น หาดท้องนายปาน และหาดแม่หาด บรรยากาศที่เกาะค่อนข้างคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ขณะที่อีกมุมหนึ่งของเกาะพะงันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น วัดวาอารามต่าง ๆ มากมาย รวมถึงจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวสวนมะพร้าวและชาวประมงพื้นบ้าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผสมผสานระหว่างความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว และเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้แวะเวียนกันมาเยี่ยมชม

 6. เกาะสมุย


          เกาะสมุย เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากพื้นแผ่นดินใหญ่ 35 กิโลเมตร ตัวเกาะมีพื้นที่ 247 ตารางกิโลเมตร เนื่องจากภูมิประเทศที่เกาะสมุยเป็นที่ราบ การสัญจรโดยรถยนต์จึงเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย เพราะมีถนนครอบคลุมทั้งเกาะ รวมถึงมีสนามบินสำหรับบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

          จุดเด่นของเกาะสมุย คือ มีหาดทรายธรรมชาติสวยงามเนื้อละเอียดหลายแห่ง เช่น หาดเฉวง หาดละไม หาดตลิ่งงาม และหาดนาเทียน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และแหล่งน้ำ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดละไม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสมุยและสวนเสือ หินตายาย เกาะแตน ศูนย์ลิงสมุย สนามควายชนสมุย สวนผีเสื้อสมุย เจดีย์แหลมสอ และน้ำตกหินลาด ฯลฯ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจจะเป็นช่วงมกราคม-พฤษภาคม เพราะเป็นระยะเวลาที่คลื่นลมสงบ ไม่มีมรสุมใด ๆ เคลื่อนตัวผ่าน

 7. เกาะตะรุเตา


          เกาะตะรุเตา อยู่ในเขตจังหวัดสตูล มีเนื้อที่ทั้งบนเกาะและทะเลประมาณ  1,490 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยเกาะทั้งหมดถึง 51 เกาะ เกาะตะรุเตามีที่มาอันแสนยาวนาน ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เป็นทัณฑสถาน รวมถึงนิคมฝึกอาชีพสำหรับนักโทษ แต่ในปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และเนื่องจากมีความสมบูรณ์ทางธรรมขาติมากจึงกลายเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวไปโดยปริยาย

          จุดเด่นของเกาะ คือ มีป่าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า สัตว์ทะเล และมีปะการังหลากสีสันสดใส เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เป็นอย่างดี มีสถานที่ดำน้ำหลายแห่ง เช่น บริเวณผาปาปิญอง อ่าวสน เกาะตะเกียง และยังมีชายหาดขาวสะอาดอีกด้วย  ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ที่หาดทรายอ่าวเมาะและหาดทรายอ่าวสน นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวที่ผาโต๊ะบู ซึ่งสามารถมองลงมาเห็นทัศนียภาพเบื้องล่างทั้งหาดทราย น้ำทะเล และโขดหิน


 8. เกาะเสม็ด


          เป็นเกาะขนาดเล็กตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทย และอยู่ในเขตจังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก  สามารถเดินทางไป-กลับภายในวันเดียวได้อย่างสบาย ๆ ตัวเกาะมีพื้นที่ 3,125 ไร่ และที่มาของชื่อเสม็ดนี้ได้มาจากมีต้นเสม็ดขาวและเสม็ดแดงขึ้นเต็มเกาะไปหมด นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าเกาะเสม็ดคือ “เกาะแก้วพิสดาร” ในวรรณคดีของสุนทรภู่ เรื่องพระอภัยมณีอีกด้วย

          จุดเด่นของเกาะเสม็ด คือ มีชายหาดที่สวยเริ่มตั้งแต่อ่าวน้อยหน่า อ่าวลูกโยน หาดทรายแก้ว อ่าวไผ่ อ่าวทับทิม อ่าวนวล อ่าวช่อ อ่าววงเดือน อ่าวแสงเทียน อ่าวหวาย และอ่าวกิ่ว ฯลฯ ซึ่งทุกหาดที่นี่ล้วนแล้วแต่มีเม็ดทรายสีขาวสะอาดตา และมีโขดหินทอดตัวสลับกับชายหาด น้ำทะเลใสเหมาะกับการว่ายน้ำพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ ยังสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกที่อ่าวพร้าวได้อีกด้วย สำหรับราคาอาหารและที่พักจัดว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกันที่อื่น


 9. เกาะลันตา

          เกาะลันตา อยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ 472 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่และเกาะลันตาน้อย แต่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมส่วนมากอยู่บนเกาะลันตาใหญ่ ขณะที่เกาะลันตาเล็กเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอลันตา ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มีหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา มีทั้งคนไทย คนไทยเชื้อสายจีน ชาวเล ที่นับถือทั้งศาสนาพุทธและอิสลาม และด้วยเหตุที่ว่าเกาะลันตาอยู่ห่างจากพื้นแผ่นดินใหญ่ ทำให้ความงามทางธรรมชาติยังคงอยู่

          จุดเด่นของเกาะลันตา คือ มีชายหาดยาวเรียงรายต่อเนื่องถึง 13 หาด มีทั้งหาดทรายขาว หาดหิน มีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ และมีหินแดงหรือปะการังอ่อนที่มีสีแดงเมื่อกระทบกับแสงแดด มีดอกไม้ทะเล กัลปังหา นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวแหลมโตนด เป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลด้านฝั่งตะวันออกเป็นหาดทรายสีขาว ส่วนด้านตะวันตกเป็นหาดหิน  มีหินที่มีรูปทรงและสีสันแปลกตาวางเรียงรายเต็มพื้น และเป็นสถานที่ตั้งของประภาคาร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเกาะลันตา เมื่อเดินขึ้นไปชมวิวบนประภาคารจะเห็นต้นตาลโตนดมากมาย   



 10. เกาะหลีเป๊ะ


          เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ในจังหวัดสตูล ตั้งอยู่ห่างจากเกาะอาดังทางตอนใต้  2  กิโลเมตร อยู่ในอาณาเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ คือ น้ำทะเลใส หาดทรายขาวละเอียด มีปะการังหลากสีโอบล้อมเกาะเอาไว้ อุดมไปด้วยสัตว์น้ำหลายชนิด และมีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม เพียงแค่ก้าวเท้าลงไปในทะเลไม่กี่ก้าวจะเห็นปะการังและปลาการ์ตูนว่ายวนเวียนอยู่รอบ ๆ นอกจากนี้ เกาะหลีเป๊ะยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “มัลดีฟส์แห่งเมืองไทย” ซะด้วย สำหรับชายหาดที่งดงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ หาดพัทยา เป็นหาดที่มีความสวยงามที่สุด อยู่บริเวณด้านหน้าของหมู่บ้านชาวเล, หาดซันไรท์ อยู่ทางทิศตะวันออก ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านชาวเล เป็นบริเวณที่สามารถรับชมพระอาทิตย์ขึ้น จัดว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ และหาดซันเซตเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งามที่สุดแห่งหนึ่